วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วิทยาศาสตร์การกีฬา มมส.





ประวัติความเป็นมาของมวยไทย

ประวัติความเป็นมาของมวยไทย


มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่า จะเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏนั้น มวยไทย ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และอาจเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับชาติไทย เพราะมวยไทยนั้นเป็นศิลปประจำชาติไทยเรา จริง ๆ ยากที่ ชาติอื่นจะลอกเลียนแบบได้
มวยไทยในสมัยก่อนเท่าที่ทราบ จะมีการฝึกฝนอยู่ในบรรดาหมู่ทหาร เพราะในสมัยก่อน ไทยเราได้มีการรบพุ่ง และ สู้รบกันกับ ประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง การสู้รบในสมัยนั้นยังไม่มีปืน จะสู้กันแต่ดาบสองมือ และมือเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ การรบพุ่ง ก็มีการรบ ประชิดตัว คนไทยเห็นว่าในสมัยนั้น การรบด้วยดาบ เป็นการรบพุ่งที่ประชิดตัวมากเกินไป บางครั้ง คู่ต่อสู้อาจเข้ามา ฟันเราได้ง่าย คนไทยจึงได้ฝึกหัด การถีบและเตะคู่ต่อสู้เอาไว้ เพื่อคู่ต่อสู้จะได้เสียหลัก แล้วเราจะได้ เลือกฟันง่ายขึ้น ทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้
ต่อมาเมื่อในหมู่ทหารได้มีการฝึกถีบเตะแล้ว ก็เกิดมีผู้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะใช้การถีบเตะนั้น มาเป็นศิลปสำหรับ การต่อสู้ ด้วยมือได้ จึงต้องให้มีผู้ที่จะคิดจะฝึกหัดการต่อสู้ป้องกันตัว สำหรับการใช้แสดงเวลามีงานเทศกาลต่าง ๆ ไว้อวดชาวบ้าน และเป็นของแปลก สำหรับชาวบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้ นานเข้า ชาวบ้านหรือคนไทย ได้เห็นการถีบเตะ แพร่หลาย และบ่อยครั้ง เข้า จึงทำให้ชาวบ้านมีการ ฝึกหัดมวยไทยกันมาก จนถึงกับตั้งเป็นสำนักฝึกกันมากมาย แต่สำหรับที่ฝึกมวยไทยนั้น ก็ต้อง เป็นสำนักดาบที่มีชื่อดีมาก่อน และ มีอาจารย์ดีไว้ฝึกสอน ดังนั้นมวยไทยในสมัยนั้น จึงฝึกเพื่อความหมาย ๒ อย่างคือ
๑. เพื่อไว้สำหรับสู้รบกับข้าศึก
๒. เพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว
ในสมัยนั้น ใครมีเพลงดาบดี และเก่งกาจทางรบพุ่งนั้น จะต้องเก่งทางมวยไทยด้วยเพราะเวลารบพุ่งนั้น ต้องอาศัย มวยไทย เข้าช่วย ดังนั้นวิชามวยไทยในสมัยนั้นจึงมุ่งหมายที่จะฝึกฝนเพลงดาบและวิชามวยไทยไปพร้อม ๆ กัน เพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยการ เป็นทหาร ได้เป็นอย่างดี
 แต่เมื่อพ้นจากหน้าสงคราม ก็จะมีการชกมวยกัน เพื่อความสนุกสนาน และมีการพนันขันต่อกัน ระหว่างนักมวยที่เก่งจาก หมู่บ้านหนึ่ง กับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่ง มาชกกันในหน้าที่มีงานเทศกาล หรือเกิดมีการท้าทายกันขึ้น และมีการ พนันขันต่อ มวยในสมัยนั้น ชกกันด้วยหมัดเปล่า ๆ ยังไม่มีการคาดเชือก เช่น สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยนั้น คนไทย ที่ทำชื่อเสียง ให้กับประเทศในวิชามวยไทย มากที่สุด คือ นายขนมต้ม ซึ่งได้ใช้วิชามวยไทยต่อสู้พม่า ถึง ๑๐ คน และพม่าก็ได้ แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน จนถึงกับกษัตริย์พม่า พูดว่า "คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีดาบ แม้แต่มือเปล่า ก็ยังมีพิษสงรอบตัว" นายขนมต้มจึงเปรียบเสมือนผู้เป็นบิดาของวิชามวยไทย เพราะทำให้คนไทยมีชื่อเสียง เกี่ยวกับ วิชามวยไทย เป็นอันมากในสมัยนั้น และชื่อเสียงก็ได้เลื่องลือมาจนถึงกับปัจจุบันนี้
 ในสมัยต่อมา มวยไทยก็ยังฝึกฝนคู่กับการฝึกเพลงดาบอยู่ และยังฝึกและใช้เพื่อการทำสงคราม และฝึกฝนเพื่อการ ต่อสู้ ป้องกันตัว บางทีก็ฝึกเพื่อชกในงานเทศกาลต่าง ๆ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย พระมหากษัตริย์ของไทยบาง พระองค์ มีฝีมือ ในทางมวยไทย อยู่มาก เช่น พระเจ้าเสือ หรือขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งได้หนีออกจากพระราชวัง ไปชกมวยกับชาวบ้าน และ ชกชนะด้วย ต่อมาประชาชน ทราบและเห็นว่า พระองค์ก็เป็นผู้มีฝีมือในวิชามวยไทย อยู่ในขั้นดีเยี่ยม ในสมัยต่อมา ผู้ที่มี ฝีมือในทางมวยไทยก็มีมาก เช่น พระเจ้าตากสิน วิชามวยไทยได้ยั่งยืนมาจนถึงสมัยปัจจุบัน และในสมัยอยุธยาตอนปลายนี้ มวยไทยได้ชกกันด้วยการคาดเชือก คือใช้เชือก เป็นผ้าพันมือ บางครั้งการชกก็อาจถึงตาย เพราะเชือก ที่คาดมือนั้น บางครั้งก็ใช้น้ำมันชุบเศษแล้วละเอียด ชกถูกตรงไหน ก็เป็นแผลตรงนั้น จะเห็นได้ว่ามวยไทยในสมัยนั้น มีอันตราย เป็นอันมาก
ต่อมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา มวยไทยก็มีการฝึกตามสำนักฝึกต่าง ๆ และมีการฝึกกันอย่างกว้างขวาง จนถึงสมัย รัตนโกสินทร์ ก็มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน เช่น เวทีสวนเจ้าเชษฐ และเวทีสวนกุหลาบ ซึ่งการ ชกมวยในสมัยนี้ ก็ยังมีการคาดเชือกกันอยู่ จนตอนหลัง นวมได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกกันในสมัยหลัง ๆ จึงได้สวมนวมชก แต่การชกกันก็ยังเหมือนเดิม คือ ยังใช้การ ถีบ ชก ศอก และเข่า ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ฯ

สโมสรลิเวอร์พลู

กรรมการฟุตบอล

กายภาพบำบัด คืออะไร

กายภาพบำบัด (Physical Therapy)

         คลินิกกายภาพบำบัด ให้คำปรึกษา ให้บริการทางกายภาพบำบัดเพื่อรักษาและฟื้นฟูอาการของผู้ป่วยหรือผู้พิการให้กลับสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียงภาวะปกติให้มากที่สุด ตามศักยภาพของแต่ละบุคคล โดยเป็นการฝึกเพื่อให้มีกำลังกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ป้องกันการเกิดข้อยึดติด แก้ไขความผิดปกติที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เป็นต้น โดยมุ่งเน้นให้ผู้ป่วย / ผู้พิการ / ผู้ดูแลและญาติเข้าใจถึงภาวะการดำเนินโรค วิธีการดูแล และการฝึกอย่างถูกวิธี ตลอดจนสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติที่สุด
โรคที่สามารถใช้การรักษาทางกายภาพบำบัดได้แก่
1.             ปัญหาโรคกระดูกและข้อเช่น ปวดหลัง ปวดคอ ข้อติดแข็ง กล้ามเนื้อลีบเล็ก กระดูกทับเส้นประสาท ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ อุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น
2.             ปัญหาโรคทางระบบประสาทเช่น อัมพาตครึ่งซีก อัมพาตครึ่งท่อน อัมพาตทั้งตัว
3.             ปัญหาโรคทางระบบหายใจและหัวใจและหลอดเลือด
4.             ปัญหาการพัฒนาการผิดปกติในเด็ก
คลินิกกายภาพบำบัดให้การรักษาโดยวิธีการทางกายภาพบำบัดต่างๆ เช่น
1.             รักษาโดยคลื่นไฟฟ้าความร้อน (diathermy)
2.             รักษาโดยคลื่นเหนือเสียง (Ultrasound)
3.             การดึง (Traction)
4.             การประคบความร้อน (Hot pack)
5.             การดัดและดึง (Joint mobilization)
6.             การนวด (Massage)
7.             การกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า (Electrical Stimulation)
8.             การออกกำลังเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว (ROM exercise)
9.             การออกกำลังเพิ่มความแข็งแรง (Strengthening exercise)
10.      การออกกำลังกายแบบทำให้ (Passive exercise)
11.      การฝึกเดิน (Gait training)
12.      การฝึกกิจวัตรประจำวัน (ADL training)
การให้บริการ
         ผู้ป่วยใหม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์ เพื่อประเมินสภาวะคนไข้ และพิจารณาสั่งการรักษาทางกายภาพบำบัด โดยจะมีนักกายภาพบำบัดที่มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วย ทำการกายภาพบำบัดและฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยต่อไป โดยในหน่วยกายภาพบำบัดจะมีเครื่องมือทางกายภาพบำบัด บุคลากรที่พร้อมดูแลตลอด

วิธีการนวดแผนไทน

วิธีการนวดแผนไทย
การนวดแผนไทย ทำให้สุขภาพดี ผ่อนคลาย ซึ่งแบ่งออกได้หลายประเภท ได้แก่

1.
การกด
เป็นการใช้น้ำหนักกดบนเส้นพลังงานบนกล้ามเนื้อโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วโป้งกดนวด เป็นวงกลม , ฝ่ามือกดเป็นวงกลม และกดเส้นพลังงานและ ใช้น้ำหนักตัวกด นิ้วและหัวแม่มือ หัวเข่า ฝ่าเท้า ทำการยืดเส้น ทำให้หลอดเลือดขยาย การไหลเวียนของเลือด ระบบประสาร การทำงานของอวัยวะต่างๆดีขึ้น

2.
การบีบ
เป็นการใช้น้ำหนัก บีบกล้ามเนื้อให้เต็มฝ่ามือเข้าหากันโดยการออกแรง สามารถ ใช้นิ้วหัวแม่มือช่วยหรือการประสานมือเพือเพ่ิมการออกแรง เป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเลือด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

3.
การทุบ/ตบ/สับ
ใช้มือและกำปั้นทุบกล้ามเนื้อเบาๆเป็นการผ่อนคลายการตึงของกล้ามเนื้อและให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้นและเป็นการช่วยขจัดของเสียออกจาก ร่างกาย

4.
การคลึง
เป็นการใช้น้ำหนักกดคลึงบริเวณกล้ามเนื้อโดยการหมุนแขนให้กล้ามเนื้้อเคลื่่อนหรือคลึงเป็นวงกลม ใช้แรงมากกว่าการใช้ข้อศอก

5.
การถู
โดยใช้น้ำหนักนวดถูไปมา หรือวนไปมาเป็นวงกลม บนกล้ามเนื้อเพื่อช่วยผ่อนคลายยอาการปวดเมื่อยเฉพาะจุด หรือตามข้อต่อต่างๆ

6.การหมุน
โดยการออกแรงหมุนข้อต่อกระดูกวนเป็นวงกลม ช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อทำงานดีขึ้น ผ่อนคลาย

7.
การกลิ้ง
เป็นการใช้ข้อศอกและแขนท่อนล่าง กดแรงๆในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่นต้นขา

8.
การสั่น/เขย่า
ใช้มือเขย่าขาหรือแขนของผู้ถูกนวด เพื่อช่วยทำให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ผ่อนคลายกล้ามเนื้อไปในตัว

9.
การบิด
ลักษณะคล้ายการหมุน แต่เป็นการออกแรงบิดกล้ามเนื้อกับข้อต่อให้ ยืดขยายออกไปในแนวทแยง ทำให้กล้ามเนื้อยืด

10.
การลั่นข้อต่อ
เป็นการออกแรงยืดข้อต่อให้เกิดเสียงดังลั่น ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อทำงานดีขึ้น

11.
การยืดดัดตัว
โดยใช้ฝ่าเท้า เป็นการออกแรงยืดกล้ามเนื้อข้อต่อให้ยืดขยายออกไปทางยาว ช่วยให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นยืดคลายตัว

12.
การหยุดการไหลเวียนของเลือด
ใช้ฝ่ามือกดที่จุดชีพจรที่โคนขาเพื่อหยุดการไหลเวียนของเลือดชั่วขณะกดไว้ประมาณครึ่่งถึง1นาทีแล้วค่อยๆปล่อยช้าเพื่อให้เลือด กลับหมุนเวียนดีขื้น


นวดแผนไทยมีประโยดอย่างไร

1. ด้านสุขภาพ ผู้ได้รับการนวดจะได้ผลทั้งร่างกายและจิตใจ ผลทางกายคือการนวดทำให้เกิด อาการไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้นช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืด ช่วยการทำงานของข้อต่อดีขึ้นและใช้อายุการใช้งานยาวนนานขึ้น กระตุ้นระบบประสาท การตื่นตัว ตอบสอนอง ต่อสภาพแวดล้อมดีขึ้นและยังทำให้ทำงานมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังเป็นการป้องกันและบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดศีรษะ หลังตึง ข้อแพลง โรค อัมพฤตและอื่น ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส ผ่อนคลายจิตใจ

2. ด้านสังคม หากเป็นการนวดของคนในครอบครัว หรือสังคม มีส่วนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้เกิดความเข้าใจ ความเอื้ออาทรรักใคร่ ในระหว่างการนวดมีการพูดคุย ช่วยผ่อนคลายลง นับเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และ สังคมอีกด้านหนึ่ง

การนวดเป็นศิลปะของการสัมผัสที่สร้างความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ทำให้เรารู้สึกสดชื่น คลายความเมื่อยล้า ทั้งร่างกายและจิตใจ


การนวดแผนไทย ไ้ด้รับการสืบทอดกันมานาน ซึ่งถือเป็นศาสตร์และศิลป์ ช่วยในเรื่อง สุขภาพของคนไทย แม้ว่าความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันทันสมัยของการแพทย์ แผนปัจจุบัน จะมีบทบาทสำคัญ ในการดูแลสุขภาพของคนทั่วโลก แต่หลายคนก็ยัง เสาะแสวงหาทางเลือกอื่น ในการดูแลสุขภาพของตนเอง ด้วยเหตุผลแตกต่างกัน การ แพทย์แผนไทย เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับการดุแลสุขภาพ และได้รับความนิยม มากขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจุบันมีการใช้ยาแก้ปวด และยากล่อมประสาทหายชนิด และมีผลแทรกซ้อนจาก ยาแก้ปวดบางชนิดค่อนข้างรุนแรง เช่น ทำให้ปวดท้อง เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาเจียนเป็นเลือด

จากงานวิจัยที่สนับสนุนว่าการนวดแผนไทย สามารถช่วยบรรเทาอาการปวด อันมีประโยชน์ คือ

1. ด้านสุขภาพ ผู้ได้รับการนวดจะได้ผลทั้งร่างกายและจิตใจ ผลทางกายคือการนวดทำให้เกิด อาการไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้นช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ผังผืด ช่วยการทำงานของข้อต่อดีขึ้นและใช้อายุการใช้งานยาวนนานขึ้น กระตุ้นระบบประสาท การตื่นตัว ตอบสอนอง ต่อสภาพแวดล้อมดีขึ้นและยังทำให้ทำงานมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังเป็นการป้องกันและบรรเทาอาการเคล็ดขัดยอกกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดศีรษะ หลังตึง ข้อแพลง โรค อัมพฤตและอื่น ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส ผ่อนคลายจิตใจ

2. ด้านสังคม หากเป็นการนวดของคนในครอบครัว หรือสังคม มีส่วนสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้เกิดความเข้าใจ ความเอื้ออาทรรักใคร่ ในระหว่างการนวดมีการพูดคุย ช่วยผ่อนคลายลง นับเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และ สังคมอีกด้านหนึ่ง

การนวดเป็นศิลปะของการสัมผัสที่สร้างความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ทำให้เรารู้สึกสดชื่น คลายความเมื่อยล้า ทั้งร่างกายและจิตใจ




อาหารกับการออกกำลังกาย

อาหารกับการออกกำลังกาย   
สำหรับคนทั่วไปที่เล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย แบบเพื่อสุขภาพ ความบันเทิง หรือผ่อนคลาย อาจไม่ต้องซีเรียสเรื่องอาหารถือคติว่า "เล่นหนัก กินอิ่ม นอนสบาย" เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
              แต่สำหรับบางคนที่ต้องการอะไรมากกว่านี้ คือเล่นหรือออกกำลังกายเพื่อหวังผลบางอย่าง เช่น ลดน้ำหนักตัว สร้างกล้ามเนื้อ อาจต้องสนใจเรื่องของอาหารมากขึ้นอีกนิด
             เพราะเวลาออกกำลังกาย สิ่งที่ร่างกายต้องกานมากที่สุดในขณะนั้น คือพลังงาน ซึ่งร่างกายจะได้รับจากอาหาร อาหารที่กินเข้าไปวันนี้จะส่งผลถึงร่างกายในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆไป อาหารที่ว่าดีนั้น อาจไม่ดีก็ได้ เมื่อเทียบกับความต้องการของร่างกาย

อาหารดี จะช่วยให้ร่างกายมีพละกำลังออกแรงได้อย่างต่อเนื่องจนการฝึกซ้อมนั้นเสร็จสมบูรณ์ แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า อะไรคือสิ่งสำคัญทีว่านี้ เวลาอยุ่ในร้านอาหารนั้น ก็นั่งงง ไม่รู้จะสั่งอะไร จึงขอเสนอวิธีลัดในการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพและพลังงาน สำหรับนักกีฬาหรือนักออกกำลังกายทุกคน
บุหรี่ งดสูบหลังเล่น นิโคตินจากบุหรี่ ที่ซึมซาบเข้าร่างกายโดยตรง อาจทำให้หลอดเลือดหดตัว ทำให้เม็ดเลือด  ที่กำลังวิ่งไปมาระหว่างหัวใจกับสมองนั้นเกิดการชะงัด ทำให้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย หรือร้ายที่สุดคือเกิดอาการหัวใจวายอย่างเฉียบพลัน

การเลือกกินอาหาร1. โปรตืน คาร์โบไฮเดรต คือ อาหารหลักที่นักออกกำลังกายไม่ควรพลาด จะเป็นตัวเสริมซึ่งกันและกัน นักโภชนาการแนะนำว่าร่างกายควรได้รับโปรตีนมากสุด ไม่เกินวันละ 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สมมุติ มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จำนวนโปรตีนที่ควรได้รับจะเท่ากับ 140 กรัม หรือเทียบได้กับเนื้อประมาณ 1 ฝ่ามือ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องกินไปมากกว่านี้ แหล่งของโปรตืนชั้นดีได้จากเนื้อสัตว์ทุกชนิด โดยเฉพาะ ปลา  ปลาทะเลดีที่สุด แนะนำให้กินมากที่สุด
ส่วนคาร์โบไฮเตรดเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย ในคาร์โบไฮเดรตมีส่วนประกอบสำคัญ สองอย่างคือ น้ำตาลกับแป้ง ซึ่งน้ำตาลนี่แหละที่เป็นตัวสร้างพลังงานให้กับร่างกาย วิธีเลือกกินคาร์โบไฮเดรต ควรเลือกกินที่เป็นธรรมชาติ ไม่ผ่านขั้นตอนการขัดสี

2. อย่าลืมไขมัน ไขมันเป็นอาหารประเภทพลังงาน ที่ร่างกายจัดการและจัดเก็บได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกัน โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ทั้งยังให้พลังงานเป็นสองเท่า ในขนาดน้ำหนักที่เท่ากัน เราควรเลือกกินพวกไขมันดี ไม่ใช่พวกมันหมู ควรกินไขมันจากปลาดีที่สุด วิธีการจัดไขมันส่วนเกินคือ งดของทอดของมันโดยเด็ดขาด และ ออกกำลังกายนานติดต่อกันอย่างน้อย 30 นาที ไขมันที่ถูกสะสมจะถูกนำออกมาใช้
3. จัดสัดส่วนอาหารให้ดี การกินอาหารสมัยนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ากินอะไรแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่ากินอย่างไร การจัดความสมดุลของอาหารนั้นมีประโยชน์ทั้งต่อคนอ้วนและคนผอม แต่อย่าจำผิดเท่านั้นเอง คือ แบ่งจานข้าวออกเป็นสามส่วน กำหนดเป็นข้าวสองส่วน โปรตีน 1 ส่วน เพิ่มผักและน้ำแกงขึ้นเป็นส่วนที่สี่ก็ได้ จะได้กินได้คล่อง แต่ถ้ากินหลายคน กินบุฟเฟ่ก็ต้องคำนวนว่ากินอะไรจำนวนเท่าไหน ไม่ใช่กินจนอิ่มแปร้ ให้อิ่มพอประมาณ คนที่ผอมเกินไปก็ควรลดโปรตีนเพิ่มคาร์โบไฮเดรต ไม่ใช่กินทุกอย่างเพิ่ม หรือถ้าต้องการกล้ามเนื้อเพิ่มแค่ไม่อยากเพิ่มน้ำหนักตัว อาจจะกินโปรตืนมากขึ้น คาร์โบไฮเดรตน้อยลง

4. อาหารมื้อสำคัญ อาหารเช้าควรจะกินให้ครบ กินให้พอ เพื่อจะได้มีสารอาหารเพียงพอที่ร่างกายต้องการตลอดทั้งวัน หลังออกกำลังกายควรหาอะไรกินนิดหน่อย เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และป้องกันการฉีกขาดจากการออกกำลังกาย กินตอนพักหายเหนื่อยดีแล้ว เพราะยิ่งร่างกายได้รับสารอาหารเร็วเท่าไหร่ก็ดีต่อกล้ามเนื้อเท่านั้น

5. ระหว่างออกกำลังกายถ้ารู้สึกเหนื่อย หมดเรี่ยวแรง วิธีที่ง่ายสุดที่จะเรียกพลังกลับมาสดชื่น คือ ดื่มน้ำอัดลมใส่เกลือ หรือหากล้วยสักใบ กินทีละน้อย ตลอดเวลาที่เล่น หรือออกกำลังกาย แป้งและน้ำตาลและแร่ธาตุสำคัญในกล้วยจะช่วยสร้างพลังงานต่อกล้ามเนื้ออย่างต่อเนี่อง นอกจากนี้ ควรจิบน้ำเป็นระยะๆ เมื่อออกกำลังกายต่อเนื่อง อย่าปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาพขาดน้ำ

6. กาแฟไม่ใช่ของต้องห้าม สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบโดป ควรจิบกาแฟกับขนมปัง กินก่อนล่วงหน้าสัก 1 ชม นอกจากสร้างความกระชุ่มกระชวยแล้ว  ไขมันที่สะสมในร่างกายยังถูกดูดเอาไปใช้มากกว่าด้วย
7. ข้อสุดท้าย ไม่ควรละเรื่องเรื่องวิตามิน ที่มีในผักและผลไม้ เพราะมานเป้นตัวช่วยให้ร่างกายสร้างเนื้อเยี่อ กระดูก พลังงานและ ดูแลการทำงานของระบบอวัยวะ ร่างกายต้องการเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่สามารถขาดได้
....................................................................

ภาพกีฬามันๆ

สุขภาพ >> การออกกำลังกาย

สุขภาพ >> การออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงการต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง
หลายคนก่อนจะออกกำลังกายมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกาย อาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป
เป็นที่น่าดีใจว่าการออกกำลังให้สุขภาพดีไม่ต้องใช้เวลามากมาย เพียงแค่วันละครึ่งชั่วโมงก็พอ และก็ไม่ต้องใช้พื้นที่หรือเครื่องมืออะไร มีเพียงพื้นที่ในการเดินก็พอแล้ว การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคอ้วน การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานและต่อสู้กับชีวิต นอกจากนั้นยังสามารถลดความเครียดได้ด้วย
โรคที่มากับคนที่ไม่ออกกำลังกาย
การเริ่มต้นออกกำลังกาย
หลายท่านไม่เคยออกกำลังมาก่อนเมื่อเริ่มออกกำลังอาจจะทำให้เหนื่อยง่าย วิธีที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกาย คือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน เช่น
  • ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
  • หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
  • ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
  • ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
  • ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน
ทำกิจวัตรเหล่านี้ทุกวันเป็นเวลา 2-3 เดือนจึงเริ่มต้นเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เช่น
  • การเดินให้เร็วขึ้นสลับกับการเดินช้า


  • ขี่จักรยานนานขึ้น
  • ขึ้นบันไดหลายขั้น
  • ขุดดินทำสวนนานขึ้น
  • ว่ายน้ำ
  • เต้นแอร์โรบิค แต่ไม่ต้องนาน
  • เต้นรำ
  • เล่นกีฬา เช่น ปิงปอง แบดมินตัน เทนนิส

หลังจากที่เตรียมความพร้อมร่างกายแล้วเรามาเริ่มต้น ฟิตร่างกายกัน
หลังจากเตรียมความพร้อมแล้ว คุณได้ออกกำลังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแล้วหากคุณต้องการฟิตร่างกายก็สามารถทำได้โดย
  • โดยการวิ่งเร็วขึ้น นานขึ้น
  • ว่ายน้ำนานขึ้น
การฟิตร่างกาย คุณต้องติดตามความก้าวหน้าของการออกกำลังกายเช่น เวลาที่ใช้ในการออกกำลังเพิ่มขึ้น ระยะทางในการออกกำลังเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นได้ดี รายละเอียดของการ

จิตรวิทยาการกีฬา

จิตวิทยาการกีฬา : การเตรียมจิตใจเพื่อการแข่งขันกีฬา
ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาการกีฬา ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยาการกีฬาไว้ว่านักกีฬาระดับสุดยอดหรือนักกีฬาที่เก่งต้องมีเตรียมการสำหรับตนเองใน 4 ด้าน ดังนี้  คือ
1)      ด้านร่างกาย
2)      ด้านเทคนิค(ทักษะ)
3)      ด้านกลวิธีการเล่น
4)      ด้านจิตใจ
ประการแรก คือนักกีฬาต้องมีสมรรถภาพทางกายที่ดี ประการที่ ต้องมีทักษะสูงและเทคนิคที่ดีจากการฝึกซ้อม เพื่อที่นักกีฬาจะแสดงความสามารถได้โดยอัตโนมัติ  ประการที่ เป็นการเตรียมด้านกลวิธีการเล่นที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ และ ประการที่  4  เป็นการเตรียมทางด้านจิตใจ  ซึ่งในระหว่าง 2 – 3  ปีที่ผ่านมาองค์ประกอบข้างต้นได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น   ในการแข่งขันระดับนานาชาติ  นักกีฬาจะมีความแตกต่างในด้านสมรรถภาพทางกายและด้านทักษะในการแข่งขัน  และความแตกต่างระหว่างบุคคลที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันเนื่องจากการเตรียมด้านจิตใจ ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ มีนักกีฬาจำนวนน้อยที่สามารถระงับความตื่นเต้นได้  นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะแสดงความสามารถด้านร่างกายและทักษะได้ดี นักกีฬาบางคนไม่สามารถจะเรียนรู้ทักษะใหม่ได้ในเวลาที่จำกัดและมีความสับสนอย่างมากรวมทั้งเกิดอาการผิดพลาดอื่น ๆ ในขณะปฏิบัติทักษะ  นักกีฬาที่มีความสามารถในการเรียนรู้ทักษะทางด้านจิตใจ จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากความสับสนและสามารถปฏิบัติทักษะได้อย่างเต็มศักยภาพ
ความสำคัญของจิตวิทยาการกีฬา
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักพลศึกษาได้แก่งานวิจัยทางด้านจิตวิทยาการกีฬาที่ได้มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะโดยนักพลศึกษาสาขาจิตวิทยาการกีฬาจากการสำรวจความคาดหวังด้านการเรียนรู้ทักษะกลไก ตั้งแต่ช่วงต้นปี 1970 แสดงให้เห็นว่า ผู้ฝึกสอนยังมีความต้องการความก้าวหน้าในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่ผู้ฝึกสอนกีฬา  จากการประยุกต์ใช้ผลจากการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาให้มากยิ่งขึ้น (Martin and Lumsden อ้างถึง Gowan, 1979)
จิตวิทยาการกีฬา หมายถึง การนำความรู้ด้านจิตใจมาประยุกต์เข้ากับการพัฒนาความสามารถและความพอใจของนักกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา (Martin and Lumsden อ้างถึง Blimkie ,1984)
วิธีพัฒนาทักษะนักกีฬาที่มีประสิทธิภาพ
วิธีการเรียนรู้ทักษะที่ดีที่สุดของนักกีฬาแต่ละคนคือการกำจัดสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ หรือ กิจกรรมที่ไม่สร้างนิสัยที่ดีให้นักกีฬา  หรือการฝึกด้วยการผสมผสานทักษะที่ง่ายเข้ากับทักษะที่ซับซ้อนหรือการสร้างกระบวนการที่ให้นักกีฬาสามารถกระทำได้สำเร็จ
วิธีจูงใจในการฝึกซ้อมและการฝึกความอดทน
ผู้ฝึกสอนจะพัฒนาความสนใจในการฝึกซ้อมให้มีประสิทธิภาพได้โดยการจูงใจให้นักกีฬาใช้เวลาในการฝึกให้มาก  ผู้ฝึกสอนต้องบริหารเวลาการฝึกเพื่อให้นักกีฬาเสียเวลาในการฝึกให้น้อยที่สุด  ในบทก่อนหน้านี้  ได้นำเสนอตัวอย่างวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในการฝึกหลายอย่าง เพื่อให้นักกีฬาและผู้ฝึกสอนสามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการฝึกสอนกีฬา  รวมทั้งวิธีตั้งเป้าหมายของการฝึก  วิธีการให้รางวัลที่มีประสิทธิภาพ  การบันทึกผลการฝึกของตนเอง  และการมองเห็นพัฒนาการของนักกีฬาแต่ละคน  ในการสร้างทีม  สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นวิธีการจูงใจที่มีประสิทธิภาพที่ผู้ฝึกสอนสามารถเรียนรู้ได้อย่าง
รวดเร็วทั้งสิ้น
วิธีแก้ปัญหาของนักกีฬาแต่ละบุคคล
เมื่อคนส่วนใหญ่ได้ยินคำว่า นักจิตวิทยาเขาอาจมองถึงนักจิตวิทยาที่นั่งอยู่ในสำนักงานและดำเนินการรักษาคนไข้ด้วยการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน   นักกีฬาควรไปหานักจิตวิทยาคลีนิคและเล่าปัญหาและประสบการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะให้นักจิตวิทยาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ  เหล่านั้น  เนื่องจากปัญหาส่วนบุคคลอาจก่อให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติทักษะทางกีฬาของนักกีฬา ดังนั้นในบางประเทศจึงส่งนักจิตวิทยาไปกับทีมกีฬาขณะเดินทางไปแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศ เมื่อเขาเห็นว่าจะสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากอารมณ์ของนักกีฬาหรือปัญหาอื่น ๆ ที่นักกีฬาบางคนอาจจะประสบได้อย่างรวดเร็ว  โดยความรู้สึกนี้  นักจิตวิทยาคลีนิคที่ได้รับการฝึกและมีประกาศนียบัตรจะเป็นผู้ที่มีความพร้อมในการเตรียมการให้บริการแก่นักกีฬาได้เป็นอย่างดีในการที่จะทำให้นักกีฬามีความพร้อมในทางที่ต้องการในทางที่เหมือน ๆ กัน
หลักการเป็นผู้ฝึกสอนกีฬาที่ดี
นักวิจัยหลายคนเชื่อว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ผู้ฝึกสอนได้แนะนำนักกีฬาไปเป็นคำตอบที่นักจิตวิทยารู้ดีว่าผู้ฝึกสอนไม่รู้วิธีการจูงใจนักกีฬาเพื่อให้เขาปฏิบัติทักษะในระดับที่สูงได้อย่างเต็มที่ หรือใช้วิธีการพัฒนาทักษะอย่างไม่มีประสิทธิภาพ  และบางครั้งมีการใช้วิธีการฝึกแบบลองผิดลองถูก  และไม่มีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมที่ใช้ฝึกเพื่อลดความผิดพลาด ในขณะที่มีการศึกษาความเป็นไปได้ของ
ผู้ฝึกสอนเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าวนี้  ต้องระลึกไว้ว่าการฝึกสอนกีฬาเป็นงานที่ยากและในอดีตมีโอกาสในการเตรียมการฝึกที่ไม่เพียงพอ  แม้ผู้ฝึกสอนหลายคนใช้เวลาอย่างอิสระหลายชั่วโมงในการฝึกสอน  และบางครั้งใช้เวลาในการฝึกที่มีหลักการเพียงเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าผู้ฝึกสอนไม่ได้นำหลักของการวิจัยด้านจิตวิทยาการกีฬา  สรีรวิทยา  เวชศาสตร์และสังคมวิทยา   ตลอดจนอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มี ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกซ้อมด้วย
สิ่งที่ต้องเน้นคือวิธีการฝึกสอนกีฬาให้มีประสิทธิภาพ  เพื่อจะช่วยปรับทักษะและพฤติกรรมของนักกีฬาให้ก้าวหน้าและรักษาระดับความสามารถในการปฏิบัติทักษะของนักกีฬาไว้  และเพื่อเป็นการปรับปรุงพฤติกรรมการฝึกสอนให้มีประสิทธิภาพ ผู้ฝึกสอนกีฬาต้องปรับวิธีการสอนให้มีประสิทธิภาพ  ด้วยการตั้งเป้าหมายการฝึก การชมเชย การตำหนิ และปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกต้อง และประเมินประสิทธิภาพของนักกีฬาภายหลังจากที่ได้มีการปรับพฤติกรรมแล้ว  เพื่อเป็นการพัฒนาและปรับพฤติกรรมด้านทักษะการฝึกสอนด้วย
การเตรียมจิตวิทยาการกีฬาสำหรับนักกีฬาที่เข้าแข่งขัน
ตามปกติ จิตวิทยาการกีฬาจะเกี่ยวข้องกับ สภาพจิตใจ”  ในระหว่างการแข่งขัน  ดังเช่น
การแสดงออกของนักกีฬาและอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความพ่ายแพ้ที่อาจมีสาเหตุมาจากจิตใจ  หรือความรู้สึกที่ว่าถ้าต้องการจะทำสิ่งใดให้ดีที่สุด  ต้องทำให้จิตใจดีขึ้น”  หรือ ถ้าจะทำสิ่งต่างๆ ในการแข่งขันครั้งสำคัญให้ดีขึ้นต้องเรียนรู้วิธีการทำให้จิตใจให้สงบ
ตัวอย่างของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดเตรียมโอลิมปิคที่เดินทางไปแข่งขันที่บ้านของทีมสหรัฐเอมิเรส  ทีมไทยแพ้ ประตูต่อ 1 ซึ่งนักกีฬาส่วนใหญ่เป็นนักเตะหน้าใหม่แม้จะมีการเตรียมทีมกันอย่างดี  ผู้จัดการทีมได้ออกมาให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า นักกีฬามีความพร้อมทางด้านร่างกายและทักษะเป็นอย่างมากเพราะมีการเตรียมตัวและลงทุนกับนักกีฬาชุดนี้มาก แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้จัดการทีมกล่าวคือนักกีฬาบางคนมีความตื่นเต้นและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้   แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติทักษะและการแสดงความสามารถของนักกีฬานั้นอาจจะมีผลมาจากด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียดเนื่องจากความหวังตามเป้าหมายคือการไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิค นักกีฬาอาจมีความตั้งใจสูงและส่งผลไปยังการปฏิบัติทักษะ
นักจิตวิทยาการกีฬาชาวคานาดาได้แบ่งเนื้อหาในการเตรียมด้านจิตวิทยาสำหรับการแข่งขันออกเป็น  2 ระยะ คือ ระยะก่อนการแข่งขันและระยะของการแข่งขัน  กลวิธีก่อนการแข่งขันเป็นแผนการเฉพาะที่จะดำเนินไปในวันก่อนการแข่งขันในแต่ละรายการ และยังรวมถึงสิ่งที่นักกีฬาควรจะทำ พูด คิด ตั้งสมาธิ และขึ้นอยู่กับเวลาที่นักกีฬาใช้ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้น  โดยเฉพาะการทำสมาธิ  หรือตั้งใจใช้เวลา 2 – 3 นาที ก่อนการแข่งขัน คิดถึงภาพรวมของการแข่งขัน การปฏิบัติทักษะให้เต็มศักยภาพก่อนการแข่งขันจะเป็นวิธีที่เพิ่มศักยภาพให้นักกีฬาที่ได้ทำการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี เพราะการทบทวนความคิดดังกล่าวเป็นการตอบสนองที่เกี่ยวข้องกับนักกีฬาโดยตรง
ความสำคัญในการฝึกทางจิตวิทยาการกีฬา
นักกีฬาควรเรียนรู้และฝึกวิธีการทางจิตวิทยาการกีฬาด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1.             ในระหว่างวันแข่งขันมีเวลาเพียงเล็กน้อยในการทำจิตใจให้สงบ และมีโอกาสที่จะก่อความกดดันให้แก่นักกีฬาตลอดเวลา โปรแกรมจิตวิทยาการกีฬาสามารถใช้ลดความกดดันต่าง ๆ เหล่านี้ให้บรรเทาได้
2.             มีสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ชัดเจนเพื่อสนับสนุนสถานการณ์ต่างๆ  ทางจิตวิทยา เช่น ให้นักกีฬากล่าวกับตนเองและคิดวิธีที่จะปฏิบัติทักษะ  โดยไม่ต้องใช้เวลานาน
3.             ถ้านักกีฬามีการวางแผนการปฏิบัติในช่วงที่จะแข่งขันเป็นอย่างดี เขาอาจตัดสินใจใน
สิ่งที่เป็นผลดีแก่ตัวเขา  ถ้านักกีฬาไม่มีการวางแผนโดยละเอียดอาจทำให้สิ่งที่เป็นผลดีแก่เขาต้องหลุดมือไปหรือเปลี่ยนไปเป็นโอกาสของคนอื่น
4.             ในการแข่งขันนักกีฬาอาจจะรู้หรือไม่รู้วิธีการปกป้องทางจิตใจไม่ให้วุ่นวายและลดความสามารถของนักกีฬา  แต่โปรแกรมจิตวิทยาการกีฬา ช่วยให้การพยายามของฝ่ายตรงข้ามมีผลกระทบต่อจิตใจของนักกีฬาน้อยลง
5.             ถ้านักกีฬามีอาการประหม่าหรือวิตกกังวลเป็นอย่างมากก่อนการแข่งขันในรายการที่สำคัญ  จนเป็นเหตุให้นักกีฬาเสียโอกาสและไม่สามารถปฏิบัติทักษะได้อย่างเต็มศักยภาพ  โปรแกรมจิตวิทยาอาจช่วยให้นักกีฬาลดความประหม่าและความวิตกกังวลลงได้
6.             การปฏิบัติทักษะของนักกีฬาจนประสพผลสำเร็จสูงในหลาย ๆ กิจกรรมมีผลมาจากการสอนตามโปรแกรมจิตวิทยาการกีฬา
7.             ทักษะทางด้านจิตวิทยาที่จำเป็นในการพัฒนาและการวางแผน เพื่อความสำเร็จในการแข่งขันสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้หลายประการ
จิตวิทยาการกีฬาจึงมีส่วนสัมพันธ์ที่สำคัญต่อการเตรียมนักกีฬา ร่วมกับขอบข่ายการเตรียมนักกีฬาอีก 3 ด้านคือ ด้านร่างกาย ทักษะ และวิธีการเล่น  ส่วนการเตรียมทางด้านจิตใจสามารถช่วยให้การปฏิบัติทักษะของนักกีฬาใกล้เคียงกับความสามารถที่เป็นจริงของนักกีฬา  และช่วยในการเตรียมทางด้านอื่นอีกด้วย ทักโก้ และ โตไซ (Tutko  and  Tosi : 1976) ยังเห็นว่า  จิตวิทยาการกีฬาสามารถช่วยให้นักกีฬาเล่นได้ดีตลอดเวลาการแข่งขัน

ข้อจำกัดของจิตวิทยาการกีฬา
ในบางครั้งอาจพบว่า  มีการพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าผู้ฝึกสอนและนักกีฬาที่มีชื่อเสียงไม่สนใจทำตามวิธีการของนักจิตวิทยา หรือบางทีผู้ฝึกสอนและนักกีฬามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องหลักการของจิตวิทยาการกีฬา  และบางทีนักวิทยาศาสตร์การกีฬามีการนำประโยชน์ของวิทยาศาสตร์การกีฬาไปใช้อย่างผิดพลาด  แต่ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดก็ตาม  ข้อผิดพลาดของวิทยาศาสตร์การกีฬาอาจมีผลเสียดังนี้ คือ
เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปอย่างดี ท่านต้องทำให้นักกีฬามีจิตใจที่สงบ”  โดยปกตินักกีฬา
บางคนต้องเรียนรู้วิธีการปลุกสรีระเพิ่มเติมและแสดงชนิดของพฤติกรรมที่สามารถจะอธิบายได้ว่าเป็น  “การกระตุ้นตนเอง“ (pumped up)  นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเกี่ยวกับคน ๆ นั้น  ดังตัวอย่างเช่น  การปลุกสรีระด้วยการตบตามร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักก่อนการพยายามทำการยก  นักยิงปืนประเภทต่าง ๆ ต้องผ่อนคลายเป็นอย่างมากก่อนการยิง  นักว่ายน้ำที่แข่งขันระยะทาง  50  เมตร  ควรมีการปลุกหรือกระตุ้นสรีระของร่างกายก่อน  เพราะความสามารถของนักกีฬาเหล่านั้นอาจจะมีผลมาจากการปลุกสรีระของตนเอง
ก่อนการแข่งขันครั้งสำคัญ  ผู้ฝึกสอนควรให้ความรู้หรือข้อมูลใหม่ ๆ แก่นักกีฬาของเขาด้วย การแนะนำในนาทีสุดท้ายก่อนลงแข่งขันเพื่อให้นักกีฬาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบคู่แข่งขันเช่น นักกีฬายกน้ำหนักอาจวิธีการตบหลัง ไหล่ หรือแก้มที่ค่อนข้างรุนแรง เป็นต้น  เมื่อถึงจุดนี้  นักกีฬาบางคนอาจไม่สามารถพัฒนาสมรรถภาพทางกายหรือทักษะในวันแข่งขันที่สำคัญได้ แต่เวลาในช่วงสุดท้ายที่
ผู้ฝึกสอนได้ให้คำแนะนำอย่างง่าย ๆ  อาจจะทำให้นักกีฬาเกิดความมั่นใจ และสิ่งที่ควรพิจารณาในด้านจิตวิทยาการกีฬาคือต้องกระตุ้นให้นักกีฬาสามารถควบคุมตนเองให้ได้
สถานการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า  คำแนะนำในนาทีสุดท้ายจากผู้ฝึกสอนสามารถช่วยนักกีฬาได้ เช่น  การกระตุ้นนักกีฬายกน้ำหนักครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเวที  หรือผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลที่กำลังเฝ้าดูการอบอุ่นร่างกายของทีมตรงข้าม   หรือเห็นว่านักกีฬาฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งในระหว่างการแข่งขันในเซทที่ 1 อาจชี้ให้เห็นองค์ประกอบสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ในการสื่อสารกับทีมเพื่อทำให้ทีมมีการปรับกลวิธีในการเล่น  การชี้ให้เห็นความผิดพลาด   ผู้ฝึกสอนต้องตั้งความหวังว่าเขาต้องแนะนำนักกีฬาให้ได้รับข้อมูลใหม่ในนาทีสุดท้ายก่อนการแข่งขันเสมอ   และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อการเล่นของนักกีฬา